ไม่นานมานี้ ประเทศไทยต้องเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย น่าน และพะเยา ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมหาศาลทั้งต่อภาคเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะบ้านเรือนในพื้นที่ต่ำที่น้ำท่วมสูงถึงระดับหลังคา แน่นอนว่าโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ที่ติดตั้งอยู่บนหลังคาก็ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้น การเตรียมพร้อมและดูแลระบบในสถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ
วันนี้ สุมิตรา พาวเวอร์ฯ จะมาแนะนำวิธีการรับมือ การดูแลรักษา และสิ่งที่ควรรู้เมื่อโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์เจอกับภัยธรรมชาติ เพื่อช่วยลดความเสียหายและเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านเรือนรวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ สามารถติดตามได้จากบทความด้านล่างนี้ครับ
ปัญหาจากภัยธรรมชาติแบบไหน ที่โซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์เจอบ่อย
นอกจากปัญหาที่เกิดจากแผงโซล่าเซลล์ ตัวไมโครอินเวอร์เตอร์ อุปกรณ์ติดดั้ง และโครงสร้างของอาคารที่ติดตั้ง ก็ยังมีภัยจากธรรมชาติที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ได้เช่นกัน ซึ่งภัยธรรมชาติมักเกิดขึ้นจากกระแสน้ำหลากและลมพายุที่รุนแรง ถึงแม้จะไม่เจอกับภัยธรรมชาติโดยตรงการรับมือหรือหาวิธีการป้องกัน จะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้
เมื่อโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ต้องเจอกับเหตุการณ์น้ำท่วม
ในปัจจุบัน หลายพื้นที่ของประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาอุทกภัยอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นปีที่มีความเสียหายจากน้ำท่วมสูงที่สุดในรอบ 10 ปี อันเนื่องมาจากพายุหลายลูกที่เคลื่อนตัวผ่านทางภาคเหนือของประเทศ นอกจากปริมาณฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังเกิดน้ำป่าไหลหลากจากพื้นที่ภูเขาสู่เมืองใหญ่ ส่งผลให้บ้านเรือนและอาคารต่างๆ ต้องเผชิญกับปัญหาท่วมขัง
หนึ่งในความกังวลหลักของประชาชนคืออันตรายจากไฟฟ้ารั่วและไฟฟ้าช็อต ซึ่งในกรณีที่มีการติดตั้งระบบป้องกันไฟรั่วไว้ล่วงหน้า จะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่คาดว่าจะมีไฟฟ้ารั่ว และเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าขึ้นในที่สูงเพื่อป้องกันอันตรายจากการถูกไฟฟ้าช็อต
สำหรับบ้านหรืออาคารที่ติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบไมโครอินเวอร์เตอร์ โดย Sumitra Power เลือกใช้ไมโครอินเวอร์เตอร์ยี่ห้อ Hoymiles ซึ่งมีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP67 สามารถทนต่อฝนได้ดี นอกจากนี้ตัวอินเวอร์เตอร์ยังมีขนาดเล็กและถูกติดตั้งไว้ใต้แผงโซล่าเซลล์บนหลังคา ทำให้น้ำท่วมไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้ง่าย
เมื่อเปรียบเทียบกับระบบโซล่าเซลล์รุ่นเก่า ที่มักใช้อินเวอร์เตอร์ขนาดใหญ่และติดตั้งไว้บริเวณชั้นล่างของบ้านหรืออาคาร จึงมีความเสี่ยงสูงเมื่อน้ำท่วมถึง ซึ่งแม้จะมีการตัดไฟแล้วแต่แผงโซล่าเซลล์ยังคงผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ และสายไฟที่เชื่อมต่อลงมาจากแผงนั้นมีกระแสไฟแรงดันสูง ทำให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้าดูดได้ ดังนั้น ทางที่ปลอดภัยที่สุดคือควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ไฟฟ้าในช่วงน้ำท่วม เพื่อป้องกันอันตราย
เมื่อโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ต้องเจอกับเหตุการณ์ลมหรือพายุ
แรงลมที่รุนแรงมักสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างของบ้านหรืออาคารอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะลมพายุที่มักจะมาพร้อมกับสายฝนซึ่งยิ่งเพิ่มความรุนแรงเข้าไปอีก สำหรับโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ การรับมือกับพายุและลมแรงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ โดยมีสองปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของระบบ ได้แก่ การเลือกอุปกรณ์ติดตั้งและการออกแบบจุดยึดกับโครงสร้าง
- อุปกรณ์ติดตั้ง
การเลือกใช้อุปกรณ์ติดตั้งที่ผ่านมาตรฐานและทำจากวัสดุที่แข็งแรงทนทานต่อแรงลมและการดึงสูง มีความสำคัญอย่างมาก วัสดุที่ทนทานต่อสภาพอากาศและมีอายุการใช้งานยาวนานจะช่วยป้องกันการชำรุดหรือหลุดร่อนเมื่อเจอแรงลมรุนแรง การเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน รวมถึงการติดตั้งที่ไม่มีการดัดแปลงใดๆ นั้นสำคัญเพื่อรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ - การออกแบบจุดติดตั้ง
การออกแบบและคำนวณจุดติดตั้งเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ วิศวกรจะต้องคำนวณแรงลมและเงื่อนไขต่างๆ โดยการอ้างอิงมาตรฐานจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) เพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งมีความแข็งแรงเพียงพอ นอกจากนี้ การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งโซล่าเซลล์ก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกรณีที่เป็นการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด ไฮบริด หรือระบบขนาดใหญ่ ที่จำเป็นจะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนการติดตั้ง เพื่อให้การติดตั้งเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย
เมื่อมีการออกแบบที่ดีและการเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม โซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์จะสามารถทนทานต่อแรงลมและพายุได้ดี ลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหาย และยังช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของระบบได้ในระยะยาว
ข้อควรปฏิบัติและวิธีการป้องกัน เมื่อโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์เจอภัยธรรมชาติ
เนื่องจากโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์เป็นระบบที่ผลิตไฟฟ้า จึงมีความจำเป็นต้องดูแลรักษาและตรวจสอบระบบอย่างละเอียด โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับภัยธรรมชาติ เพื่อป้องกันความเสียหายและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ระบบไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ หรือเกิดการลัดวงจร สิ่งที่ควรปฏิบัติและวิธีการป้องกันเมื่อต้องเจอกับภัยธรรมชาติมีดังนี้
- การตรวจสอบระบบอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญ
ควรให้ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานแสงอาทิตย์หรือวิศวกรไฟฟ้าทำการตรวจสอบระบบอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นแผงโซล่าเซลล์ ไมโครอินเวอร์เตอร์ หรือสายไฟที่เชื่อมต่ออยู่ในระบบ การตรวจสอบนี้ควรทำทั้งก่อนและหลังเกิดภัยธรรมชาติ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบยังคงทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ - การป้องกันความเสี่ยงจากการลัดวงจร
การป้องกันการลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ลมพายุ หรือน้ำฝน การติดตั้งอุปกรณ์กันน้ำหรือสายไฟที่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น เช่น IP67 เป็นสิ่งสำคัญ หากเกิดกรณีน้ำท่วม ควรตัดระบบไฟฟ้าทั้งหมดทันทีและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณที่มีแผงโซล่าเซลล์ติดตั้งอยู่ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด - การบำรุงรักษาระบบอย่างถูกต้อง
ระบบโซล่าเซลล์ควรได้รับการบำรุงรักษาเป็นระยะตามตารางที่กำหนด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ เช่น ฝนตกชุก ลมแรง หรือพื้นที่น้ำท่วม การบำรุงรักษาที่สำคัญได้แก่ การตรวจสอบความสมบูรณ์ของสายไฟ การเชื่อมต่อที่แน่นหนา และการทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ - การเตรียมพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ
การติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ ควรมีการยกอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องขึ้นที่สูง เช่น ไมโครอินเวอร์เตอร์และตัวควบคุม เพื่อป้องกันน้ำท่วมถึง นอกจากนี้ ควรมีการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อให้ทนต่อแรงลมและพายุได้ดีขึ้น
การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยป้องกันความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ ในขณะเดียวกันยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าระบบจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวย
เช็กลิสต์ดูแลโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์ เมื่อเกิดภัยธรรมชาติ
การดูแลและตรวจสอบโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์หลังจากเผชิญภัยธรรมชาติเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อป้องกันความเสียหายและเพิ่มความปลอดภัย การเช็กลิสต์นี้จะช่วยให้สามารถตรวจสอบระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพและหาทางแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถแบ่งหัวข้อได้ดังนี้
- ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น
ตรวจสอบระบบไฟภายในบ้านหรืออาคาร เช่น อุปกรณ์เบรกเกอร์และสวิตช์ต่าง ๆ ว่ามีปัญหาในการทำงานหรือไม่ ตรวจดูสัญญาณการทำงานของระบบว่ามีไฟฟ้ารั่วหรือไฟฟ้าดับในบางส่วนหรือไม่ หากพบปัญหา ควรตัดไฟทันทีและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ระบบ - ตรวจสอบแผงโซล่าเซลล์และไมโครอินเวอร์เตอร์
สำรวจแผงโซล่าเซลล์ว่ายังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ รวมถึงจุดยึดของแผงบนหลังคาเพื่อตรวจหาความเสียหายจากลมพายุ หรือน้ำที่อาจท่วมสูงถึงแผง ตรวจสอบไมโครอินเวอร์เตอร์ที่ติดตั้งอยู่ใต้แผงว่าไม่มีรอยรั่วหรือความเสียหายจากน้ำฝน หรือน้ำที่ท่วมถึงหรือไม่ - ทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์และตรวจสอบการผลิตไฟฟ้า
หากพบว่ามีสิ่งสกปรก เช่น ใบไม้ ฝุ่น หรือเศษซากพายุที่กีดขวางการรับแสงของแผง ควรทำการทำความสะอาดเพื่อคืนประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า หากพบปัญหาการผลิตไฟฟ้าหลังจากทำความสะอาดแล้ว เช่น การผลิตไฟฟ้าลดลงอย่างมาก ควรติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม - ติดต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อการซ่อมแซม
หากพบความเสียหายกับแผงโซล่าเซลล์ ไมโครอินเวอร์เตอร์ หรือระบบไฟฟ้า ควรหลีกเลี่ยงการซ่อมแซมเองและติดต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการแก้ไขอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ - เตรียมตัวรับมือกับภัยธรรมชาติในอนาคต
ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ การเตรียมตัวรับมือล่วงหน้า เช่น ยกอุปกรณ์ขึ้นที่สูง ติดตั้งอุปกรณ์กันน้ำ และทำการตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ภัยธรรมชาติเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นการรับมือและเตรียมตัวเมื่อเจอกับภัยธรรมชาติ สามารถช่วยลดความเสี่ยงหรือความเสียหาย สุมิตรา พาวเวอร์ฯ ยินดีให้คำปรึกษาโดยวิศวกรที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโซล่าเซลล์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์โดยเฉพาะ